หน้าเว็บ

บทความดีๆ จากLine

ข้อคิด...คุณกัมพล ตันสัจจา หรือคุณโต้ง เจ้าของสวนนงนุชพัทยา ได้ส่งข้อคิดมาในไลน์แต่เช้าตรู่...รู้สึกดีมากๆ....นักธุรกิจพันล้าน ...หมื่นล้าน ที่เนรมิตร สวรรค์บนดิน เพื่อให้ความสุขกับปวงประชา

1) ทุกอย่างบนโลกใบนี้เป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ถ้ามันดี ให้มีความสุขกับมัน เพราะมันจะอยู่กับเราไม่นาน ถ้ามันไม่ดีอย่ากังวล เพราะมันจะอยู่กับเราไม่นานอีกเหมือนกัน

2) ทางเดียวบนโลกใบนี้ ที่จะทำให้ความสุขนั้นมีมากขึ้นนั่นก็คือให้แบ่งปันความสุขนั้น (แบ่งให้คนอื่น ยิ่งให้มาก ยิ่งสุขมาก)

3) คนที่ "น่าอิจฉาที่สุด" คือ คนที่ไม่อิจฉาใครเลย ดูเหมือนมันเป็น "ความสุข" ง่ายๆ แต่ คนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยทำกัน

4) "ทุกวินาทีที่หายใจอยู่คือโอกาสของชีวิต" อย่ากลัวการเริ่มต้นใหม่และอย่าแคร์สายตาใคร ตราบใดที่เรายังหายใจด้วยจมูกของเราเอง

5) ไม่ยุ่งกับชีวิตคนอื่น...ไม่ขัดความสุขคนอื่น...ไม่คิดแทนคนอื่น...ไม่อิจฉาคนอื่น...ไม่ดูถูกคนอื่น คำสอน 5 ข้อ ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข

6) จงอย่าอิจฉาคนอื่น แต่จงใช้ชีวิตให้คนอื่นอิจฉา

7) ไม่ว่าจะมีสิ่งไหนหายไปจากชีวิตเรา...แต่ "เวลา" ก็ยังคง "เดินต่อ" และเวลาก็สอนให้เราได้รู้ว่า ระหว่างที่เรามีเวลาอยู่นั้น เราควรจะดูแลและรักษาอย่างไร...เพื่อว่าวันหนึ่ง "เราจะไม่เสียใจ" กับสิ่งที่ได้ทำดีที่สุดแล้ว

😎 ความสุขแม้จะอยู่กับเราไม่นาน แต่ความทรงจำที่ดีจะอยู่กับเราตลอดไป

9) บางครั้ง...เราไม่ต้องคิดว่า สิ่งที่เราทำ เราจะได้อะไร แต่เมื่อทำแล้ว มันสุขใจ มันก็คือ "กำไร" ของชีวิต

10) จุดที่ตกต่ำที่สุด เป็นได้ทั้งจุดจบและจุดเริ่มต้นใหม่ อยู่ที่เราจะให้มันเป็นอะไร

......................................................................................................................................

อ่านแล้วตัวเบ๊าเบา

☀ ถ้าทุกคน ได้ทุกอย่าง ได้ดั่งคิด

☀ สิ้นชีวิต จะเอาของ กองไว้ไหน

☀ ได้มาบ้าง เสียไปบ้าง ช่างปะไร

☀ หน้าที่ใคร ทำให้ดี เท่านี้พอ

☀ อีกไม่นาน วันผันผ่าน ก็ต้องจาก

☀ จะมีมาก หรือมีน้อย วัยถอยถอน

☀ เอาอะไร ไปไม่ได้ นั้นแน่นอน

☀ วันจากจร เหลือเพียงแต่ แค่ตำนาน

☀ ก็วันนี้ มีพอกิน มีพอใช้

☀ ไม่เท่าใคร แต่เพียงพอ ก็สุขได้

☀ ทำหน้าที่ สมควร ก่อนด่วนไป

☀ จากเมื่อไหร่ หลับตาได้ ไม่อาวรณ์......

จงดูแลรักษาของล้ำค่า 4 อย่างนี้ดีๆ

1. ร่างกาย เป็นสิ่งเดียวที่จะอยู่ไปกับเราตราบสิ้นชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะอะไร ไม่มีใครจะดูแล เขาได้ดีเท่ากับตัวเรา

2. คู่ชีวิต คือ คนที่จะดูแล เข้าข้างและ ปกป้องเราไปตลอดชีวิต ลงทุนเพียงนิด ผลได้ทวีคูณ

3. เพื่อน เพื่อนดีๆ มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินทุกอย่างบนโลก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสนุกสนาน จริงใจ ฯลฯ มีเงินก็ซื้อสิ่งเหล่านี้ไม่ได้

4. ทรัพย์สมบัติ ยิ่งอายุมากขึ้น ความสามารถในการหามันเพิ่มจะยิ่งลดลง ดังนั้นต้องรู้จักใช้มันให้คุ้มค่าสูงสุด (content) (content)(content)

ข้อคิดดีสำหรับผู้ที่อายุจะถึง 50 ปีหรือเกิน 50 ปีในอนาคต
(sun) คนอายุเกิน 50 ต้องเลิกเอาสุขภาพไปแลกกับความร่ำรวยได้แล้ว มีเงินเท่าไร ก็ซื้อสุขภาพคืนมาไม่ได้
(sun) ต่อให้มีไร่นามากมาย ก็กินข้าวได้แค่วันละสามจาน แม้นจะมีคฤหาสน์หลายสิบหลัง ก็ต้องการ พื้นที่หลับนอนยามค่ำคืนเพียงแปดตารางเมตร ดังนั้น..ตราบใดที่ยังมีข้าวปลาอาหารกินอย่างเพียงพอ มีเงินพอใช้สอยได้ทุกวัน เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว
(sun) อายุเท่านี้แล้ว ควรอยู่อย่างเป็นสุข ทุกบ้านต่างก็มีปัญหาของตนเอง อย่ามัวไปคิดเปรียบเทียบ แก่งแย่งแข่งขันกัน ไม่ว่าชื่อเสียง ฐานะในสังคม หรือความก้าวหน้าของงาน ฯลฯ
(sun) สิ่งที่ควรจะแข่งกันจริงๆนั้น คือ แข่งกันมีความสุข, มีสุขภาพดี และอายุยืนนาน ส่วนอะไรที่เราเปลี่ยนมันไม่ได้ ก็อย่าไป ฝังอกฝังใจให้ป่วยการ และทำลายสุขภาพตัวเองเลย
(sun) หลัง 50 แล้วอย่างนี้ ควรค้นหาหนทางที่จะสร้างชีวิตที่เป็นอยู่ที่เป็นสุข มีอารมณ์ดี คิดถึงแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสุข นั่นก็หมายความว่าได้ผ่านวันเวลาอย่างเป็นสุขแล้ว
(sun) ทุกวันที่ผ่านไปจะสูญเสียไป ๑ วัน แต่ถ้ามันผ่านไปอย่างเป็นสุข วันนั้นคือได้กำไร จิตใจที่ดีจะช่วยรักษาโรคภัยได้ ถ้าจิตใจเป็นสุข โรคก็จะหายเร็วขึ้น แต่ถ้าจิตใจทั้งดีทั้งเป็นสุขด้วยแล้วล่ะก็ ความเจ็บป่วยจะไม่มีทางมาแผ้วพานได้เลย
(sun) ด้วยอารมณ์ที่ดีแจ่มใสอยู่เป็นนิจ ออกกำลังกายให้เพียงพอ อยู่กลางแจ้ง บ่อยๆ กินอาหารให้ครบหมู่ ได้วิตามินและแร่ธาตุอย่างเพียงพอ เพียงเท่านี้ก็เชื่อ ได้แน่นอนว่า ชีวิตที่ เป็นสุขอีก 30 หรือ 40 ปี
(sun) เหนือสิ่งอื่นใด..ต้องรู้จักบ่มเพาะและเก็บเกี่ยวความสุขดีๆ จากการได้อยู่ ได้เที่ยว ได้คุยกับเพื่อนๆ เพราะเขาเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกเยาว์วัยและมีความหมายเสมอ
(sun) ขอบรรดาสิ่งดีที่สุดจงบังเกิดแก่คุณ "ความร่ำรวยของชีวิต คือ การมีสุขภาพที่แข็งแรง"

โปรดเผยแพร่ให้เพื่อน ๆ ที่วัย 50 ขึ้นไป เพื่อเป็นกุศล

.......................................................................................................................


จ้าผู่ชู นักเขียนอักษรพู่กันจีน ชื่อดัง ได้บันทึกถึงความรู้สึกที่มีต่อชีวิตเมื่อผ่านเข้า วัย 70 ซึ่งมีสาระน่าสนใจดังนี้ "พออายุใกล้ 70 ข้าพเจ้า เรียนรู้ สิ่ง 7 สิ่งในชีวิต" 1. ต้องอยู่ให้รอด ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วตก อยู่อีก 1 วัน เหลือน้อยลง 1 วัน สุขอีก 1 วัน กำไร 1 วัน 2. ต้องอยู่ให้มีความสุข ตำแหน่งสูง มิสู้มีรายได้สูง รายได้สูง มิสู้อายุยืน อายุยืน มิสู้มีความสุข..ขอให้มีความสุข เพราะความสุขคือเงินสด นอกนั้นแค่กระดาษเช็ค 3. ต้องเป็นของเราเอง หมายถึง ไม่ใช่เป็นของคนอื่น หรือ ยืมของคนอื่นมาใช้ ตำแหน่งเป็นของชั่วคราว เกียรติยศเดี๋ยวก็ผ่านไป สุขภาพเท่านั้นที่เป็นของเรา 4. ไม่เหมือนกัน ย่อมไม่เหมือนกัน ความรักที่พ่อแม่ให้กับลูกไม่มีขีดจำกัด แต่ ความรักของลูกต่อพ่อแม่มีขีดจำกัด ลูกๆ ป่วย พ่อแม่กลุ้มใจ พ่อแม่ป่วย แค่ลูกๆ มาเยี่ยมมาถามไถ่ ก็พอใจแล้ว ลูกๆ ใช้เงินของพ่อแม่ สมเหตุสมผล พ่อแม่จะใช้เงินของลูกๆ ต้องมีเหตุมีผล บ้านของพ่อแม่ก็คือบ้านของลูกๆ บ้านของลูกๆ ไม่ใช่ บ้านของพ่อกับแม่ ไม่เหมือนกันก็คือไม่เหมือนกัน พ่อแม่ที่เข้าใจจะถือเอาความกตัญญู กตเวทีของลูกๆ เป็นจิตอาสาและความสุข ไม่หวังการตอบแทน หากหวังการตอบแทน นั่นคือหาทุกข์ใส่ตัว 5. อย่าคาดหวังใคร ยามป่วยอย่าคาดหวังใคร แม้แต่ลูกๆ "ไม่มีลูกกตัญญูหน้าเตียงคนป่วยเรื้อรังหรอก" คาดหวังคู่ชีวิตหรือ เขาเองก็เอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ที่คาดหวังได้ คือเงินอย่างเดียว ใช้เงินรักษาตัว 6. ระลึกแต่ความหลัง อาจจำเป็นเพราะจำเรื่องราวได้น้อยลง ลืมมากขึ้น ฉะนั้น สุขภาพคือทรัพย์ จำไว้ แข็งแรงเข้าไว้ หาความสุขเสมอ 7. อย่ากลัวความตาย เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนเท่าเทียมกัน ต้องมีความพร้อมด้านจิตใจ พอยมบาลมาเรียก ก็พร้อมที่จะไปได้เลย ต้องไม่มีการอาลัยอาวรณ์ ครบ 7 ข้อ ยามลำบาก มากอุปสรรค ต้องตั้งหลักให้มั่นคง ยามได้ดี มียศสูงส่ง ต้องรู้ปลง ปลดปล่อยวาง ฉะนั้นอย่าท้อ เวลาผ่านไปเงื่อนไขเปลี่ยน สถานการณ์ก็มักผันแปร อาจดีขึ้น ก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องรวย เพราะมีเงินมาก แต่เราอาจรวยความสุขได้เพราะการให้ **ผมอ่านทุกครั้งกินใจทุกครั้งจึงส่งต่อมา และขอขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ขอบคุณ เขียนได้ดีก๊อปมาให้อ่านกัน เราคือเพื่อนกัน ไม่ใช่สายโลหิต ไม่ใช่ญาติ หากเป็นความผูกพันที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญแท้ๆ เป็นความประจวบเหมาะ เป็นความพอดีที่มาพบเจอ มาเรียน มาทำงานด้วยกัน มาร่วมชะตากรรมเดียวกัน แล้วนับจากนั้นก็ผูกพันกันเรื่อยมา ในฐานะเพื่อน ลบไม่ออก แก้ไขไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า จะเปลี่ยนสถานะใหม่ให้เป็นศัตรูกัน ซึ่งโอกาสนั้นก็เป็นได้น้อยในหมู่เพื่อน อายุล่วงมาถึงวันนี้ เพื่อนใหม่ไม่มีแล้ว ใจไม่อยากเปิดรับเข้ามาอีก ก็คงมีแต่เพื่อนเก่าสมัยเรียน ประถม- มัธยม - อุดมศึกษา - เริ่มทำงาน หรือ เรียนปริญญาบัตรอื่นๆ ซึ่งนับวันจะเหลือน้อยลงไป เพื่อนเก่าแต่ละคน อายุก็ไล่ๆ กันกะเรา หรือแก่อ่อนกว่ากันไม่มาก บางคนไปไหนไม่ได้ ไปไม่ไหวแล้ว บ้างก็ทำงานไกล อาศัยอยู่ไกล บ้างติดภาระของลูกบ้างเมียบ้าง กระทั่งธุระของหลาน รวมทั้งสังขารของตน จะเห็นชัดเจนว่า มีการลดจำนวนครั้งที่นัด นัดแต่ละทีก็มีจำนวนคนลดลง เพื่อนบางคนล่วงหน้าเสียชีวิตไปก่อนแล้ว ยามคิดถึง ก็ได้แต่จุดธูปเทียน เขียนชื่อ ยกมือพนม ทำบุญ ระลึกถึง จะมีอะไรไปถึงหรือไม่ ไม่รู้ พิสูจน์ไม่ได้ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าไปถึงเพื่อน ว่าเพื่อนจะได้รับ "ดูแลกันยามมีชีวิต ยามเดือดร้อนนี่แหละครับ ดูแลกันตามกำลัง" ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้ว ใครล่ะครับจะช่วย คนอื่นเขายิ่งไม่รู้จักมักคุ้น ไม่ใช่เพื่อนกัน ใครเขาจะยื่นมือมา ผิดพลาดไปบ้าง ห่างเหินไปหน่อย บกพร่องระหว่างกันไปบ้าง อภัยเถิดครับ "ทำใจสบายๆ เปิดใจให้กว้าง เอื้อเฟื้อดูแลเกื้อกูลกันยามมีชีวิตดีที่สุดครับ" เพราะเราคือ เพื่อนกัน


ขอบคุณ คุณวรวุฒิ รัตนมินทร์ ที่ส่งให้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น